ฟอกสีฟัน (ZOOM! Teeth White Speed)

การฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว (Teeth Whitening) คือ การรักษาฟันที่มีสีคล้ำ เหลือง กลับมาขาวขึ้นอีกครั้งโดยใช้น้ำยาฟอกสีฟัน อาจทำร่วมกับการกระตุ้นด้วยแสงในความถี่จำเพราะเพื่อให้น้ำยาแตกตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ประเภทของการฟอกสีฟัน

  1. การฟอกภายในคลินิก (In-Office Bleaching) โดยทันตแพทย์จะทำการทาน้ำยาความเข้มข้นสูงบริเวณผิวฟัน และใช้การฉายแสงเพื่อกระตุ้นให้น้ำยาแตกตัว แทรกซึมผ่านชั้นเคลือบฟันเข้าไปกำจัดเม็ดสีภายในฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุของฟันที่เหลือง โดยไม่ทำลายชั้นเคลือบฟัน เห็นผลได้ทันทีหลังการฟอก ใช้เวลาประมาณ 60 นาที
  2. การฟอกสีฟันที่บ้าน (At-Home Bleaching) เป็นการฟอกฟันขาวเองที่บ้าน โดนทันตแพทย์จะทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะขึ้นมา ซึ่งพอดีกับฟันคนไข้แต่ละบุคคล พร้อมจ่ายน้ำยาฟอกสีฟันให้คนไข้นำไปฟอกเองที่บ้าน ซึ่งมีราคาถูกกว่า (คนไข้จัดฟันใส สามารถใช้เครื่องมือจัดฟันใสฟอกได้)
  3. การฟอกสีฟันเฉพาะซี่ (Internal Bleaching) คือ การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ ในกรณีคนไข้ที่มีปัญหาฟันมีสีคล้ำเฉพาะซี่ ฟันตาย ฟันที่ผ่านการรักษาราก โดยการฟอกโดยใส่น้ำยาไว้ในตัวฟันซึ่งจะเป็นการฟอกเพื่อให้สีฟันกลับมาไกล้เคียงกับซี่ข้างเคียง ไม่ได้เป็นการฟอกทั้งปาก

 

การฟอกสีฟัน ZOOM! Speed Whitening ดีอย่างไร

ZOOM คือเทคโนโลยีฟอกสีฟันลิขสิทธิ์เฉพาะจาก Philips ZOOM! โดยเทคโนโลยีน้ำยาฟอกสีฟัน และแสง LED ความถี่จำเพราะ ซึ่งปรับความเข้มได้ 3 ระดับ ซึ่งสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้ทันทีหลังการฟอกเพียง 60 นาที  อีกทั้งการฟอกด้วยระบบ ZOOM เป็นระบบที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูง ขาวมากกว่า ขาวนานกว่า โดยไม่ทำลายตัวฟัน และได้รับการยืนยันว่าเสียวฟันน้อยกว่า เมื่อเทียบกับระบบอื่น ๆ ซึ่งเป็นการฟอกภายใต้การดูแลของทันตแพทย์

 

 

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน

  1. เตรียมผิวฟัน โดยอาจทำการขูดหินปูน ขัดคราบบนผิวฟันเพื่อผิวฟันพร้อมสำหรับการฟอกสีฟัน และทำการบันทึกเฉดสีก่อนทำการฟอกไว้
  2. ป้องกันเหงือก และริมฝีปากของคนไข้ โดนแท่นยาง และน้ำยาป้องกันเหงือก เปิดไว้เพียงผิวฟันที่ต้องการทำการฟอกสี
  3. ทาเจลฟอกสีฟัน ZOOM! ลงบนผิวฟัน และใช้เครื่องกระตุ้นโดยเจลจะเกิดการแตกตัวซึมเข้าไปในฟันเพื่อกำจัดเม็ดสีซึ่งเป็นสาเหตุของฟันมีสีคล้ำ โดยไม่ทำลายเคลือบฟัน
  4. กระตุ้นด้วยแสง ในช่วงคลื่นเฉพาะลิขสิทธิจาก ZOOM! รอบละ 15 นาที ทั้งหมด 3-4 รอบ โดยใช้เวลารวมประมาณ 60 นาที
  5. ทาวิตามิน E ที่ผิวฟัน เพื่อช่วยลดอาการเสียวฟัน โดยหลังจากเสร็จขั้นตอนจะมีการเปรียบเทียบสีฟันหลังการฟอกอีกครั้ง ซึ่งขาวขึ้นได้สูงสุดถึง 8 เฉด (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

 

ข้อควรปฏิบัติหลังการฟอกสีฟัน เพื่อให้ฟันขาวนานยิ่งขึ้น

  1. หลังการฟอกสีฟัน 48-72 ชม. ควรหลีกเลี่ยงอาหาร เครื่องดื่มสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์ ซึ่งจะส่งผลให้ฟันค่อย ๆ เข้มขึ้น หากจำเป็นต้องดื่มควรบ้วนน้ำตาม หรือหลีกเลี่ยงให้ได้นานที่สุด
  2. พยายามงดสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้เกิดคราบบุหรี่ติดบนผิวฟัน ทำให้ฟันมีสีเข้มขึ้น
  3. ดูแลรักษาความสะอาด แปรงฟันอย่างถูกวิธีเพื่อขจัดคราบอาหารบนผิวฟัน
  4. พบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจฟัน ดูแลสุขภาพฟัน

 

FAQ ฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟันเสียวฟัน หรือเจ็บไหม ?

การฟอกสีฟันไม่เจ็บ แต่อาจมีอาการเสียวฟันเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ซึ่งหลังการฟอกอาจทาวิตามิน E เพื่อช่วยบรรเทาอาการเสียว และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 24-48 ชม.

การฟอกสีฟันอยู่ได้นานแค่ไหน ?

ขึ้นอยู่กับการดูแล อาหาร และเครื่องดื่มที่รับประทาน โดยทั่วไปมักจะอยู่ได้อย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี

ทำอย่างไรให้ฟันขาวมากขึ้น หรือ อยู่นานมากขึ้น ?

หลังการฟอกสีฟัน ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคล หากหลังจากการฟอกสีฟันที่คลินิกแล้ว คนไข้สามารถฟอกสีฟันที่บ้านร่วมด้วยได้ โดยใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ต่อวัน ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกอาจจะทำทุกวันเพื่อให้ผลขาวขึ้นจนเป็นที่พอใจ และต่อไปอาจฟอกเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อคงความขาวเอาไว้

โดยคนไข้ที่กำลังจัดฟันใส หรือมีรีเทนเนอร์ใส สามารถใช้อุปกรณ์จัดฟันเป็นถาดฟอกได้ทันที

ฟันจะสามารถขาวขึ้นได้กี่เฉด ขาวแค่ไหน ?

เทคโนโลยีฟอกสีฟัน ZOOM! ขาวขึ้นได้ถึง 8 เฉด แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับสีฟันธรรมชาติของแต่ละบุคคล ทันตแพทย์มักให้คนไข้สังเกตง่าย ๆ โดยเทียบกับสีของตาขาว ซึ่งมักจะไกล้เคียงกับสีฟันที่ขาวของคนไข้

ในคนไข้ที่ต้องการให้ขาวมากขึ้นเกินเฉดสีที่ขาวที่สุดของฟัน อาจต้องทำการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การทำวีเนียร์แปะฟันขาว ซึ่งจะสามารถแก้ไขสีฟัน รวมถึงรูปทรงของฟันได้ตามความต้องการ